บันทึกความทรงจำเพื่อเป็นสิ่งเตือนใจ

บันทึกความทรงจำเพื่อเป็นสิ่งเตือนใจ
บรรจง บินกาซัน

บ่ายวันพุธที่ 12 ตุลาคม 2559 โรงพยาบาลศิริราช มีผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่  และที่ลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์ไทยแผนใหม่   ผมเห็นผู้คนซึ่งส่วนใหญ่ใส่เสื้อสีชมพู ทะยอยไปชุมนุมกันสวดมนต์อธิษฐานให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้หายจากอาการประชวร   และมีนักข่าวไปรอทำข่าวอยู่ที่นั่นมากมาย   ผมเริ่มมีความรู้สึกวังเวง  แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายก็ตาม   ทั้งนี้ เพราะผมไม่อยากให้สิ่งที่ตัวเองคิดไว้ต้องมาเริ่มต้นเร็วเกินกว่าที่คิด


เมื่อผมเสร็จธุระและออกจากโรงพยาบาล   มีตำรวจมากมายมายืนกำกับการจราจรตามถนนที่มุ่งสู่โรงพยาบาลศิริราช   ผมยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น  เมื่อรู้ว่าจะมีขบวนเสด็จของบุคคลสำคัญต่างๆในพระบรมราชวงศ์มายังโรงพยาบาลศิริราช   ผมเริ่มติดตามข่าวคราวอาการประชวรของพระองค์ด้วยความกังวล แม้ผมจะเป็นคนที่ยอมรับได้ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

วันรุ่งขึ้น สิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดเร็วกว่าที่คิดก็เกิดขึ้น  เมื่อสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต  หัวใจผมรู้สึกหวิวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินข่าว แต่เนื่องจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นความจริงสากล และตรงกับคำสอนของคัมภีร์กุรอานที่กล่าวว่า “ทุกชีวิตต้องได้ลิ้มรสความตาย” การยอมรับความจริงดังกล่าวจึงช่วยทำให้หัวใจรู้สึกผ่อนคลายลง   นี่คือประโยชน์จากคำสอนของศาสนาที่มีต่อหัวใจ
ผมเกิดมาในสมัยรัชกาลที่ 9 และได้เห็นพระองค์ทรงงานทั่วทุกภาคของประเทศไทยมาตั้งแต่เด็ก  และประทับใจในความห่วงใยที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกคนโดยไม่แบ่งแยก   จริยวัตรของพระองค์ทำให้ผมรู้สึกว่า งานคือชีวิตของพระองค์   ภาพของพระองค์ที่อยู่ในความทรงจำของผมมีมากมาย   แต่ที่ประทับใจที่สุดคือภาพพระพักตร์ที่มีหยดพระเสโท(เหงื่อ)ไหลที่ปลายพระนาสิก(จมูก)   ภาพพระองค์ทรงคุกเข่าลงนั่งสนทนากับหญิงชราที่มารับเสด็จโดยไม่ถือพระองค์   ภาพพระองค์ทรงสนทนากับแวเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบุรี เป็นต้น
จริยวัตรของพระองค์อีกอย่างหนึ่งที่ผมประทับใจในฐานะพสกนิกรชาวไทยผู้นับถือศาสนาอิสลามก็คือ  บทบาทการเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก  ผู้ทรงให้การอุปถัมภ์แก่ทุกศาสนาในประเทศไทย  และทำให้ชาวไทยผู้นับถือศาสนาอิสลามได้รับเสรีภาพทางศาสนามากกว่าในอีกหลายประเทศ   พระองค์ทรงให้การสนับสนุนการแปลและการจัดพิมพ์คัมภีร์กุรอานเป็นภาษาไทย  ซึ่งทำให้คนไทยไม่ว่าศาสนิกใดสามารถเข้าถึงความหมายของคัมภีร์กุรอานได้ ทรงอุทิศพระราชทรัพย์บริจาคเพื่อสร้างมัสยิดบางแห่งอย่างเช่น มัสยิดนูรุลเอี๊ยะฮ์ซาน ตำบลห้วยทรายใต้ จังหวัดเพชรบุรี   การเสด็จเยี่ยมมัสยิดต้นสน ตั้งแต่ผมยังไม่เกิด   การให้เกียรติแก่สังคมมุสลิมด้วยการมาเป็นองค์ประธานในงานเมาลิดกลาง  ซึ่งทำให้พสกนิกรชาวไทยผู้นับถือศาสนาอิสลามได้มีโอกาสรับเสด็จพระองค์อย่างใกล้ชิด

เคราะห์กรรมและการสูญเสียเป็นการทดสอบอย่างหนึ่งซึ่งทุกคนต้องพบในชีวิต   คัมภีร์กุรอานมีคำสอนถึงเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า “เรา(พระเจ้า)จะทดสอบสูเจ้าด้วยบางสิ่งจากความกลัว ความหิวและการสูญเสียทรัพย์สิน  ชีวิตและพืชผล แต่จงแจ้งข่าวดีแก่ผู้อดทนที่เมื่อเคราะห์กรรมมาประสบกับพวกเขา   พวกเขาก็กล่าวว่า ‘แท้จริง เราเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้าและยังพระองค์ที่เราจะกลับไป”   คนเหล่านี้แหละที่จะได้รับพรประเสริฐและความเมตตาจากพระเจ้า   และคนเหล่านี้แหละคือผู้ได้รับการนำทางจากพระเจ้า’”

แม้หัวใจจะรู้สึกปวดร้าวเพียงใดต่อการจากไปของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงสร้างคุณประโยชน์ให้แก่แผ่นดินไทยอย่างอเนกอนันต์  และเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย   เวลาที่ผ่านไปจะค่อยๆเยียวยารักษาความรู้สึกเสียใจและเสียดายให้หมดไป   แต่อย่างไรก็ตาม การจากไปของพระองค์ต้องไม่ทำให้เราเสียสติจนลืมสืบสานเจตนารมณ์ที่พระองค์ทรงวางไว้เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศไทย

Share:

ต่างเผ่าต่างพันธุ์ แต่เป็นมนุษย์เหมือนกัน

ต่างเผ่าต่างพันธุ์ แต่เป็นมนุษย์เหมือนกัน
บรรจง บินกาซัน
ความรู้สึกว่าเผ่าพันธุ์ของตนมีความเหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่นยังไม่หมดไปจากมนุษย์ ฝรั่งผิวขาวบางคนยังเชื่อว่าคนผิวขาวเป็นเผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่าคนผิวสี (White Supremacist) ความรู้สึกเช่นนี้มีมานานนับพันปีแล้ว มันเป็นมลทินอย่างหนึ่งที่เกาะกินจิตใจของมนุษย์และศาสนาพยายามที่ขจัดหรือซักฟอกมลทินนี้ให้หมดไป เพราะมลทินนี้เองที่ทำให้มนุษย์กลุ่มหนึ่งเหยียดหยามและกดขี่คนอีกกลุ่มหนึ่ง
ฟาโรห์ไม่เพียงแต่ถือว่าตัวเขาเหนือกว่าชนชาติอิสราเอลและพลเมืองที่เขาปกครอง แต่เขายังตั้งตัวเองเป็นพระเจ้าที่ผู้อยู่ใต้การปกครองของเขาต้องเคารพสักการะ โมเสสผู้เป็นลูกหลานอิสราเอลที่ตกเป็นทาสของฟาโรห์จึงถูกพระเจ้าส่งมาบอกฟาโรห์ว่าเขาไม่ใช่พระเจ้า แต่เขาเป็นมนุษย์เหมือนกับคนอื่นที่ต้องก้มกราบสักการะพระเจ้าที่แท้จริง แต่ฟาโรห์ไม่เชื่อ เขาจึงต้องประสบความตายอย่างน่าอนาถในทะเลแดงและศพของเขาถูกเก็บรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐานให้มนุษย์ได้รู้ว่าชะตากรรมของคนที่โอหังตั้งตัวเองเหนือกว่ามนุษย์คนอื่นนั้นเป็นเช่นไร
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาลูกหลานอิสราเอลและเรื่องราวตอนนั้นถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ที่พวกลูกหลานอิสราเอลนับถือ แต่เป็นเรื่องแปลกที่ต่อมาพวกลูกหลานอิสราเอลกลับสำคัญตนผิดคิดว่าเผ่าพันธุ์ของตนเองเหนือกว่ามนุษย์เผ่าพันธุ์อื่น
ในสมัยนบีมุฮัมมัด ลูกหลานอิสราเอลสามเผ่าได้อพยพลี้ภัยไปอยู่ในเมืองยัษริบ(มะดีนะฮฺ)ในทะเลทรายอาหรับและทุกคนรอคอยบุคคลที่จะมาช่วยพวกเขาเหมือนกับที่บรรพบุรุษพวกเขาวิงวอนขอต่อพระเจ้าให้มาช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากความเป็นทาสของฟาโรห์ แต่เมื่อนบีมุฮัมมัดบอกพวกลูกหลานอิสราเอลว่าตัวท่านคือบุคคลที่คัมภีร์ของพวกเขากล่าวไว้ พวกลูกหลานอิสราเอลกลับไม่เชื่อและต่อต้านท่าน
เหตุผลที่พวกลูกหลานอิสราเอลปฏิเสธนบีมุฮัมมัดว่ามิใช่บุคคลที่คัมภีร์ของพวกเขากล่าวไว้ก็คือ นบีมุฮัมมัดเป็นชนชาติอาหรับที่ไร้การศึกษา ไร้ศาสนา ไร้คัมภีร์ทางศาสนาและบรรพบุรุษของนบีมุฮัมมัดไม่เคยมีนบีหรือศาสดา แต่พวกลูกหลานอิสราเอลลืมไปว่าบรรพบุรุษของนบีมุฮัมมัดคืออับราฮัมผู้เป็นบรรพบุรุษของพวกเขาเช่นกัน แม้นบีมุฮัมมัดจะแสดงหลักฐานต่างๆให้พวกลูกหลานอิสราเอลเป็นที่ประจักษ์แล้ว แต่ความอคติที่เกิดจากการเหยียดชนชาติอาหรับทำให้พวกลูกหลานอิสราเอลปฏิเสธนบีมุฮัมมัดอย่างหัวชนฝา
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคัมภีร์กุรอานจึงได้มีการบอกเล่าเรื่องราวการสร้างอาดัมซึ่งมีกล่าวไว้แล้วในคัมภีร์โตราห์ที่พวกลูกหลานอิสราเอลนับถือ
คัมภีร์กุรอานเล่าว่าพระเจ้าสร้างอาดัมขึ้นมาจากดินและทรงเป่าวิญญาณเข้าไปในดิน ดินจึงมีชีวิตเป็นมนุษย์คนแรกที่มีชื่อว่าอาดัม เมื่อสร้างอาดัมขึ้นมาแล้ว พระองค์ได้สอนความรู้และประทานความสามารถให้แก่อาดัม หลังจากนั้น พระองค์ได้ทรงบัญชาให้ทุกสิ่งกราบแสดงความนบนอบต่ออาดัม แต่อิบลีสตัวแทนของซาตานไม่ยอมก้มกราบตามคำบัญชา โดยมันอ้างว่ามันถูกสร้างมาจากไฟ มันเหนือกว่าอาดัมเพราะอาดัมถูกสร้างมาจากดิน
ความรู้สึกว่าตัวเองมีต้นกำเนิดที่เหนือกว่านี้เองทำให้มันโอหังถึงขั้นกล้าปฏิเสธคำบัญชาพระเจ้าผู้สร้างมันขึ้นมา มันลืมไปว่าถึงแม้มันจะถูกสร้างมาจากไฟ แต่มันก็เป็นสิ่งถูกสร้างและเป็นบ่าวของพระเจ้าเหมือนกับสิ่งอื่นๆที่ต้องเชื่อฟังพระเจ้า
เรื่องราวการสร้างอาดัมถูกประทานอีกครั้งแก่นบีมุฮัมมัดก็เพื่อที่จะเหน็บแนมพวกลูกหลานอิสราเอลว่าหากมนุษย์คนใดทะนงตนถือว่าเผ่าพันธุ์ตัวเองเหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่น มนุษย์คนนั้นก็มีทัศนะและพฤติกรรมไม่ต่างอะไรไปจากอิบลีสหัวหน้าซาตานที่โอหังต่อพระเจ้า
ในการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้ายตอนบั้นปลายชีวิต ท่านนบีมุฮัมมัดได้กล่าวโอวาทตักเตือนบรรดาสาวกอย่างยืดยาว ซึ่งตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า “...พวกท่านทั้งหลาย ชาวอาหรับมิได้เหนือกว่าคนที่มิใช่อาหรับ คนที่มิใช่อาหรับก็มิได้เหนือกว่าชาวอาหรับ คนขาวมิได้เหนือกว่าคนดำและคนดำก็มิได้เหนือกว่าคนขาว นอกจากโดยความยำเกรงพระเจ้า...”
Share:

ระหว่างคับแคบกับไร้ขอบเขต

ระหว่างคับแคบกับไร้ขอบเขต
บรรจง บินกาซัน
แม้ศาสนาเกิดขึ้นมาในอดีตและคำสอนของศาสนายังคงอยู่มาถึงปัจจุบันและต้องอยู่ตลอดไปจนถึงวันสิ้นโลก แต่คำสอนของศาสนาไม่ได้ล้าสมัย ความเข้าใจและการปฏิบัติของศาสนิกผู้นับถือศาสนานั้นๆต่างหากที่ทำให้คนเข้าใจว่าศาสนาเป็นสิ่งล้าสมัย ไปกับปัจจุบันไม่ได้
หลายสิบปีก่อน ผมมีโอกาสพูดคุยกับชาวอาฟกันคนหนึ่งในตอนเหนือของปากีสถานระหว่างสำรวจเส้นทางท่องเที่ยว เขาบอกว่าเขาอยากมาเมืองไทย แต่มีอุปสรรคบางอย่าง นั่นคือเขาไม่สามารถทำหนังสือเดินทางได้ เพราะเขาต้องถ่ายรูปซึ่งศาสนาอิสลามห้าม
เขายังอ้างอีกว่าแผ่นดินบนโลกใบนี้เป็นของพระเจ้า คนในอดีตไปไหนมาไหนได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องมีหนังสือเดินทาง แต่เดี๋ยวนี้ทำไมต้องมีหนังสือเดินทาง
ผมไม่โต้เถียงอะไรทั้งสิ้น เพราะเรื่องความเชื่อทางศาสนากับการเมือง ถ้ามันฝังอยู่ในใจคนแล้ว ยากที่จะขุด จึงได้แต่คิดอยู่ในใจว่าถ้าคิดอย่างนี้ก็อยู่ตรงนั้นไปเถิด อย่าได้ไปเห็นแผ่นดินอื่นๆที่พระเจ้าได้สร้างไว้อย่างสวยงามเลย
ถามว่าในคำสอนของอิสลามมีข้อห้ามเรื่องทำรูปที่เป็นทั้งรูปวาดและรูปปั้นไหม คำตอบคือมี ไม่ใช่เฉพาะอิสลามเท่านั้น ข้อห้ามทำรูปโดยเฉพาะรูปปั้นก็มีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล
เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังข้อห้ามก็เพราะศาสนากลัวว่าเมื่อมนุษย์วาดภาพหรือทำรูปปั้นขึ้นมาแล้ว มนุษย์จะให้ความสำคัญแก่รูปวาดและรูปปั้นที่มนุษย์ทำขึ้นมาจนถึงกับบูชาสักการะรูปเหล่านั้นควบคู่ไปกับพระเจ้าหรือแทนพระเจ้าซึ่งถือเป็นบาปใหญ่ที่สุดในศาสนาที่ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว
การวาดภาพหรือปั้นรูปสิ่งที่มองไม่เห็นบางอย่างเช่นทูตสวรรค์เกิดขึ้นมานานก่อนหน้าสมัยอิสลาม ในโบสถ์ฮาเกียโซเฟีย ประเทศตุรกี มีภาพวาดพระนางมารีย์และพระเยซูในตอนเกิดอยู่บนผนัง ข้างบนโดมภายในตรงกลางมีภาพวาดทูตสวรรค์อยู่
ชาวอาหรับเคยนำรูปเคารพนับร้อยมาตั้งไว้รอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺเพื่อการบูชาสักการะ ไม่เพียงเท่านั้น บนผนังก๊ะอฺบ๊ะฮฺ ชาวอาหรับยังวาดรูปนบีอิบรอฮีมและอิสมาอีลถือธนูเสี่ยงทายไว้อีกด้วย เมื่อนบีมุฮัมมัดพิชิตมักก๊ะฮฺ ท่านได้สั่งให้ลบรูปวาดนั้นและบอกผู้คนว่าชาวอาหรับรู้ดีว่านบีอิบรอฮีมและลูกชายของท่านไม่เคยทำเช่นนั้น และสั่งให้ทำลายรูปวาดและรูปเคารพทั้งหมด
หลังจากนั้น ท่านได้ออกคำสั่งห้ามมุสลิมวาดรูปและทำรูปปั้น นับแต่นั้น มุสลิมจึงไม่มีรูปภาพหรือรูปปั้นพระเจ้าไว้สักการะ อย่าว่าแต่รูปพระเจ้าเลย แม้แต่รูปนบีมุฮัมมัดก็ยังไม่มี
อย่างไรก็ตาม หลังสมัยนบีมุฮัมมัด เมื่อโลกอิสลามเจริญรุ่งเรือง นักวิชาการมุสลิมบางคน เช่น อิบนุสินา ที่โลกตะวันตกตกยกย่องเป็นบิดาทางการแพทย์ได้วาดภาพกายวิภาคของมนุษย์และสัตว์เพื่ออธิบายถึงตำแหน่งและการทำงานของอวัยวะต่างๆซึ่งจำเป็นสำหรับการถ่ายทอดความรู้ ถ้าอิบนุสินาตีความคำสอนเรื่องห้ามวาดรูปอย่างเถรตรง เขาคงไม่สามารถทำตำราถ่ายทอดวิชาการแพทย์ให้ชาวตะวันตกนำไปใช้เรียนจนเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติจนถึงทุกวันนี้ได้
ถ้าห้ามเรียนวาดภาพ เราก็คงเสียประโยชน์จากการมีคนสเก็ตภาพคนร้ายเพื่อตามจับอาชญากร ไม่มีคนวาดภาพเพื่อถ่ายทอดการแต่งกายและวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้กัน
ยิ่งในปัจจุบันที่มีกล้องถ่ายรูปและกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหว ถ้าตีความคำสั่งห้ามการทำรูปตามตัวอักษร การถ่ายรูปหรือการถ่ายภาพยนตร์ก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน
เมื่อโลกตะวันตกฉีกตัวออกจากศาสนาและเจริญก้าวหน้าหลังยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ศิลปะการวาดภาพในโลกตะวันตกก็เริ่มไม่มีขอบเขตจำกัดทางศีลธรรม ภาพวาดและภาพปั้นหญิงเปลือยกายในท่าทางต่างๆถูกทำขึ้นมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ สถาบันการศึกษาถือคติตามฝรั่งว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในบรรดาสิ่งถูกสร้างของพระเจ้า ดังนั้น การวาดภาพผู้หญิงเปลือยกายจึงถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรการเรียนศิลปะวาดภาพ และกิจกรรมการประกวดเรือนร่างของผู้หญิงถูกจัดขึ้นมาในรูปแบบต่างๆจนเป็นที่แพร่หลาย
การตีความคำสอนของศาสนาด้วยความคิดอันคับแคบของหนุ่มชาวอาฟกันอาจทำให้เขาลำบากในการปรับตัวเข้ากับความเจริญของโลกยุคปัจจุบัน แต่การวาดภาพหรือการทำรูปปั้นของชาวตะวันตกอย่างไม่มีขอบเขตทางศีลธรรมนั้นสร้างความเสียหายให้แก่มนุษย์ในโลกที่กำลังเจริญทางวัตถุอย่างมากมายหลายพันเท่า
อิสลามอยู่ตรงกลางระหว่างสองขั้วนี้ คือไม่คับแคบ แต่ก็ไม่เปิดกว้างจนไร้ขอบเขต
Share:

EP.4 | นบีลูฎ นบีอิสมาอีล และนบีอิสหาก


เข้าใจกุรอานผ่านเรื่องราวของบรรดานบี EP.4 | นบีลูฎ นบีอิสมาอีล และนบีอิสหาก - แต่ท่านล้วนมีแบบอย่างที่ดีงามมากมาย และมีบทเรียนมากมายให้เราได้ใคร่ครวญ
 ---------------------------------------------------------------------------------------------------- 
ท่านใด ที่สนใจ หรือต้องการศึกษา หรือ ติดตามข่าวสาร ของโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน 

เทปการบรรยายนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ยินดีอย่างมากเพื่อการเผยแพร่ ดีวีดีการบรรยายทั้งหมดมีจำหน่ายที่โครงกา­รอบรมผู้สนใจอิสลาม

ข้อมูลจาก : http://www.knowislamthailand.org
Share:

ริษยาทำปัญญาสูญ

ริษยาทำปัญญาสูญ
บรรจง บินกาซัน

เรื่องราวในคัมภีร์กุรอานมิใช่นิยายปรัมปราที่ถูกเล่าเพื่อความสนุกสนานหรือเพื่อมอมเมาให้ผู้คนหลงใหล แต่มันเป็นสัจธรรมความจริงที่มีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดคุณสมบัติอันดีงามและลักษณะทางธรรมชาติที่ไม่ดีของมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อที่มนุษย์จะได้นำไปตรึกตรองเป็นบทเรียนสำหรับการดำเนินชีวิต คนที่มีสติปัญญาเท่านั้นจึงสามารถเข้าถึงแก่นธรรมและนำไปเป็นบทเรียนของชีวิต

เมื่ออาดัมและฮาวาถูกส่งมายังโลกนี้ ทั้งสองได้ให้กำเนิดบุตรมากมายหลายคนเพื่อแพร่ขยายเผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติ ในจำนวนนั้น คนหนึ่งชื่อกอบีลและอีกคนหนึ่งชื่อฮาบีล สองคนนี้มีน้องสาวคู่แฝด เมื่อพระเจ้าต้องการให้เผ่าพันธุ์มนุษย์แพร่ขยายบนหน้าแผ่นดิน พระองค์ได้บัญชาอาดัมให้จัดการแต่งงานกอบีลกับน้องสาวของฮาบีลและให้ฮาบีลแต่งงานกับน้องสาวของกอบีล แต่กอบีลปฏิเสธและต้องการแต่งงานกับน้องสาวคู่แฝดของตัวเองที่สวยกว่าน้องสาวของฮาบีล ส่วนฮาบีลนั้นยอมทุกอย่าง

เมื่ออาดัมทำตามคำบัญชาของพระเจ้า แต่ลูกคนหนึ่งไม่ยอม อาดัมจึงบอกลูกทั้งสองว่าเรื่องนี้เป็นบัญชาของพระเจ้า ถ้าไม่เชื่อก็ให้พระเจ้าตัดสินโดยอาดัมได้ให้ลูกชายทั้งสองคนนำอะไรบางอย่างไปพลีถวายต่อพระเจ้าเพื่อขอคำตัดสิน แล้วดูว่าพระเจ้าจะรับสิ่งพลีถวายของใคร

กอบีลเอาข้าวโพดแห้งๆไปพลีถวายพระเจ้า ส่วนฮาบีลเอาแกะอ้วนไปพลีถวายโดยวางไว้กลางแจ้ง ผลปรากฏว่าสายฟ้าได้ฟาดลงมาบนสิ่งพลีที่ฮาบีลนำไปพลีถวายซึ่งเป็นสัญญาณตัดสินว่าพระเจ้ายอมรับการพลีถวายของฮาบีล แต่กระนั้นก็ตาม กอบีลก็ยังไม่ยอมและขู่ฆ่าฮาบีลน้องชายของเขาเพื่อจะแต่งงานกับน้องสาวของตัวเองซึ่งเป็นการขัดขืนคำสั่งของพระเจ้า

แต่ฮาบีลกล่าวว่า “พระเจ้าทรงรับสิ่งพลีจากผู้สำรวมตนจากความชั่วเท่านั้น ถ้าพี่คิดจะฆ่าฉัน ฉันจะไม่ยกมือของฉันเพื่อฆ่าพี่เพราะฉันเกรงกลัวพระเจ้า ฉันอยากจะให้พี่รับภาระบาปของฉันและบาปของพี่ด้วย พี่จะได้กลายเป็นชาวนรก และนั่นคือการตอบแทนสำหรับผู้อธรรม”

ในที่สุด กอบีลได้ฆ่าฮาบีลเพราะแรงริษยาและไม่ยอมรับการตัดสินของพระเจ้า

เรื่องราวดังกล่าวในคัมภีร์กุรอานทำให้เราได้รับความรู้และบทเรียนหลายประการ

ประการแรก คัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอานยืนยันตรงกันตลอดกาลว่าพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์และมนุษย์มิได้เกิดจากการวิวัฒนาการตามทฤษฎีของชาร์ลส ดาร์วินที่ถูกการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ลบล้างไปแล้ว

ประการที่สอง ฆาตกรรมครั้งแรกเกิดขึ้นบนโลกใบนี้เพราะแรงริษยาที่เริ่มต้นมาจากความต้องการและค่อยๆพัฒนาเป็นความอิจฉาอันเป็นธรรมชาติของมนุษย์และเป็นแรงผลักดันให้มนุษย์แสวงหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ

แต่เมื่อตัวเองไม่ได้หรือไม่มีในสิ่งที่คนอื่นมีแล้วไม่พอใจที่คนอื่นได้รับสิ่งนั้นและต้องการได้สิ่งนั้นมาเป็นของตัวเอง ความริษยาก็บังเกิดขึ้นและผลักดันตัวตนฝ่ายชั่วให้ลงมือทำทุกอย่างเพื่อได้สิ่งที่คนอื่นมีมาเป็นของตนเองไม่ว่าจะโดยวิธีใดก็ตาม

ความจริงแล้ว ความริษยาคือความไม่พอใจในพระประสงค์ของพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาแม้กระทั่งชีวิตของมนุษย์ คนที่ริษยาลืมคิดไปว่าไม่มีมนุษย์คนใดได้รับอะไรทุกอย่างตามที่ตัวเองต้องการ ต่อให้มีเงินทองและอำนาจมากมายเพียงใดก็ตาม เหตุผลที่พระเจ้าให้มนุษย์ไม่เหมือนกันและไม่เท่ากันก็เพื่อที่มนุษย์จะได้พึ่งพาอาศัยกันและกัน ถ้ามนุษย์สำรวจตัวเอง มนุษย์จะพบว่าพระเจ้าให้มนุษย์มากพอที่จะอยู่ได้ และสิ่งที่พระเจ้าไม่ให้มนุษย์นั้นมีเพียงนิดเดียวซึ่งหากไม่มีมัน เขาก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้

คัมภีร์กุรอานเล่าต่อไปว่าเมื่อกอบีลฆ่าฮาบีลแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับศพของฮาบีลอย่างไร จนกระทั่งพระเจ้าส่งอีกาสองตัวมาจิกตีกันจนตัวหนึ่งตาย อีกาที่รอดชีวิตได้ใช้เท้าขุดดินและเขี่ยอีกาที่ตายลงหลุมแล้วใช้เท้าเขี่ยดินกลบ เมื่อเห็นเช่นนั้น กอบีลจึงสำนึกว่าความริษยาได้บดบังสติปัญญาของเขาและเขาตรอมใจในสิ่งที่เขาได้ทำไปกับน้องชายของตัวเอง

ความพอใจในสิ่งที่พระเจ้าประทานให้จึงเป็นภูมิปัญญาที่ชาญฉลาดโดยไม่ต้องเรียนสูง แต่ความริษยาเป็นสิ่งที่ทำให้ปัญญาสูญ



ข้อมูลจาก :   https://www.facebook.com/Banjong.Binkason/
Share:

ประวัติศาสตร์อิสลามครั้งที่01(พื้นฐานประวัติศาสตร์อิสลาม)


พื้นฐานประวัติศาสตร์อิสลามเทป01
บันทึกวันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน 2554

โดย อ.บรรจง บินกาซัน รร.รีเจนท์ รามคำแหง

จุดประสงค์เพื่อเผยแพ่อิสลามในแง่มุมด้านประวัติศาสตร์อิสลาม นับตั้งแต่ก่อนมนุษย์ลงมาบนโลกใบนี้ ไปจนถึงยุคสุดท้ายคือยุคนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เนื้อหาโดยย่อ…
ประวัติศาสตร์คือการสืบค้นเรื่องราวในอดีตจากเอกสารหรือวัตถุ ภาษาอาหรับใช้คำทั่วไปว่า تَاريخ คัมภีร์กุรอานใช้คำว่า اَيام الله “วันของอัลลอฮฺ” เป็นการศึกษาประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่มีช่วงเวลายาวกว่าประวัติศาสตร์ในความหมายทั่วไป คัมภีร์ คือ วจนะของอัลลอฮฺที่มีมายังมนุษยชาติผ่านทางบรรดานบีและถูกบันทึกไว้เป็นรูปเล่ม คัมภีร์เตารอต (Torah) ถูกประทานแก่นบีมูซา (โมเสส) คัมภีร์ษะบูรฺ (Psalms) ถูกประทานแก่นบีดาวูด (ดาวิด) คัมภีร์อินญีล (Gospels) ถูกประทานแก่นบีอีซา (พระเยซู) คัมภีร์กุรอาน (Quran) ถูกประทานแก่นบีมุฮัมมัดในช่วงเวลา 23 ปี แห่งการเป็นศาสนทูต

สาระของคัมภีร์กุรอานประกอบด้วย 1. เรื่องความศรัทธาในสิ่งเร้นลับ เช่น พระเจ้า นรก สวรรค์ 2. เรื่องสิ่งอนุมัติ(ฮะลาล)และสิ่งต้องห้าม(ฮะรอม) 3. เรื่องข้อกฎหมายที่ชัดเจน 4. เรื่องที่ยังสามารถอธิบายและให้ความเห็นได้ 5. เรื่องข่าวดีสำหรับคนทำดีและข่าวร้ายสำหรับคนทำชั่ว 6. เรื่องประวัติศาสตร์ 7. การตักเตือนมนุษย์ 8. ข้อเปรียบเทียบและอุทาหรณ์
ประวัติศาสตร์อิสลามสามารถแบ่งออกเป็นช่วงๆได้ดังนี้ 1. ประวัติศาสตร์ของบรรดานบีก่อนหน้าท่านนบีมุฮัมมัด 2. ประวัติศาสตร์ของท่านนบีมุฮัมมัด 3. ประวัติศาสตร์ของเคาะลีฟะฮฺผู้ได้รับทางนำทั้งสี่ 4. ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ต่างๆหลังสมัยเคาะลีฟะฮฺ
บทบาทและความสำคัญของประวัติศาสตร์ในอิสลาม 1. ถูกนำมาใช้เพื่อเรียกร้องสู่การศรัทธาในอัลลอฮฺ 2. เป็นสัญญาณ (อายะฮฺ) ของอัลลอฮฺและสิ่งมหัศจรรย์ของนบี 3. เป็นบทเรียนสำหรับเตือนมนุษยชาติ 4. การศึกษาอิสลามคือการศึกษาประวัติศาสตร์ของบรรดานบี
ประเด็นศึกษา 1. ภูมิหลังของการประทานอายะฮฺกุรอาน 2. บทเรียนและข้อคิดที่ได้จากประวัติศาสตร์
Share:

EP.3 | นบีอิบรอฮีม


เข้าใจกุรอานผ่านเรื่องราวของบรรดานบี EP.3 | นบีอิบรอฮีม
– ผู้ที่ได้ฉายาว่ามิตรสหายของอัลลอฮฺ บิดาของบรรดาศาสทูต ผู้สร้างอัลก๊ะบ๊ะฮฺ และแบบอย่างแห่งการเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า

ข้อมูลจาก : http://www.knowislamthailand.org
Share:

บทความที่ได้รับความนิยม

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน

บทความทั้งหมด

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

คลังบทความของบล็อก

Recent Posts

ผู้ติดตาม